แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลายแคน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลายแคน แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 4 การฝึกเป่าลายแคนพื้นบ้านอีสาน(ลายสุดสะแนน)


บทที่4

การฝึกเป่าลายแคนพื้นบ้านอีสาน

         ลายแคนพื้นบ้านอีสาน เป็นลายแคนที่มีทำนองยังคงเป็นแบบดั้งเดิมที่หมอแคนในอดีตได้จดจำและเป่าสืบทอดกันมา ได้แก่ลายแคนทางสั้นและลายแคนทางยาว ซึ่งแต่ละลายก็จะแบ่งออกเป็นลายย่อยๆ อีกมากมาย  สำหรับการฝึกเป่าลายแคนในบทนี้ผู้ฝึกเป่าควรผ่านการฝึกในขั้นพื้นฐานมาก่อน เช่น เป่าไล่ระดับเสียง  ฝึกการใช้ลมในการเป่าแคน และเป่าขึ้นส้อยแคน เมื่อม่พื้นฐานดีแล้วจึงเริ่มฝึกเป่าลายแคนที่ยากขึ้น โดยเฉพาะการเป่าลายแคนพื้นบ้านอีสานท่านผู้รู้ ผู้เป็นบูรพาจารย์ด้านการเป่าแคนทั้งหลายได้ให้ข้อคิดไว้ว่า การฝึกเป่าแคนถ้าจะฝึกเป่าให้ได้ดี มีเสียงและทำนองแคนที่ไพเราะนั้นจะต้องฝึกลายที่เป็นแม่บทก่อน เมื่อได้ลายแคนที่เป็นแม่บทแล้วจะไปฝึกลายอื่นๆก็จะง่าย  ผู้เขียนได้วิเคราะห์ข้อคิดนี้แล้วเห็นว่าเป็นการนำไปสู่การฝึกปฏิบัติที่ถูกต้อง  สังเกตจากการฝึกเป่าแคนของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน ที่ได้รับการส่งเสริมในสถาบันการศึกษาทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาส่วนมากไม่คำนึงถึงลายหลักหรือลายแม่บท ส่วนใหญ่จะฝึกเป่าลายที่บรรยายภาพพจน์โดยใช้ทำนองแคนลายใหญ่หรือบางทีก็ใช้ทำนองแคนลายน้อยอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว จึงเป็นการฝึกใช้นิ้วมือที่ไม่ครบทุกเสียง ทำให้เกิดปัญหาคือถ้าผู้เป่าเคยชินกับการเป่าลายน้อยก็จะไม่ถนัดในการเป่าลายใหญ่หรือคนที่เคยชินกับการเป่าลายใหญ่  ก็จะไม่ถนัดในการเป่าลายน้อย ดังนี้เป็นต้น ฉะนั้นเพื่อให้ผู้ฝึกเป่ามีทักษะที่ดีในการเป่าแคน ผู้เขียนจึงนำเสนอการฝึกเป่าแคนที่ถือว่าเป็นลายแม่บทก่อนเป็นอันดับแรก ตามแนวทางที่บรมครูทั้งหลายได้ปฏิบัติสืบทอดกันมา นั่นคือ ลายสุดสะแนน  ซึ่งเป็นการเป่าแคนที่มีความหลากหลายที่ในเรื่องจังหวะ ทำนอง การใช้ลม และการใช้นิ้วมือที่ครบทุกระดับเสียง (ทุกคู่เสียง)

การฝึกเป่าลายสุดสะแนน
     ลายสุดสะแนน คำว่า สะแนน  คงเพี้ยนมาจากคำว่า สายแนน  เป็นภาษาพูดพื้นเมืองของคนอีสาน ซึ่งหมายถึง การมีเยื่อใยหรือความผูกพันที่มีต่อกันมาแล้วในอดีตชาติ เป็นลายทางสั้น และถือว่าเป็นลายแม่บทหรือลายครู เป็นลายแคนที่มีความไพเราะเป็นพิเศษ มีจังหวะกระชับ ลีลาและท่วงทำนองตื่นต้นเร้าใจตลอดเวลา หมอแคนที่มีฝีมือดีเยิ่ยมทั้งหลายในอดีตจะต้องฝึกเป่าลายสุดสะแนนให้ได้ก่อน ก่อนที่จะก้าวไปสู่การเป่าลายอื่นๆ  ดังนั้นคำว่า สุดสะแนน   ในเรื่องของลายแคนนี้น่าจะหมายถึงความไพเราะที่คนในอดีตได้ฟังแล้วมักจะคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน คิดถึงบิดามารดา  ญาติพี่น้องและ เพื่อนฝูง ตลอดจนประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน จนเกิดความรู้สึกที่เรียกว่า ออนซอน”  ขึ้นมาอย่างที่สุด  นั่นก็คือทำให้เขาหวนคิดกลับไปนึกถึงคำว่า สายแนน  นั่นเอง  ดังลายแคนที่ชื่อ ลายสุดสะแนน ที่จะนำเสนอสู่การฝึกดังต่อไปนี้
                   การติดสูดลายสุดสะแนน  การติดสูด หมายถึงการทำให้เสียงเสิร์ฟประสานหลักของแต่ละลายดังอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดหายในช่วงขณะที่เป่ทำให้ เสียงแคนไพเราะกลมกลืนกันสำหรับลายสุดสะแนนจะติดสูดที่ลูกที่ และลูกที่ 8 แพซ้าย โดยมีหลักเกณฑ์ว่าเสียงซอล(ลูกที่ 6 แพซ้าย)ซึ่งเป็นเสียงทุ้มต่ำสุดของทำนองและเป็นเสียงหลัก  ส่วนลูกที่ 8 แพซ้ายซึ่งเป็นเสียงซอลสูงจะใช้เป็นเสียงติดสูดร่วมเพื่อให้เสียงประสานยืนมีความกลมกลืนกัน ดังแผนภูมิ
แผนภูมิการติดสูดลายสุดสะแนน



ตัวอย่างโน้ตแคน ลายสุดสะแนน



                 สำหรับการเขียนโน้ตแคนในบทนี้อาจไม่สมบูรณ์ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนโน้ตไทย เนื่องจากในการเป่าจริงบางห้องเพลงจะมีการเอื้อนเสียงทำให้เกิดเสียงหนักเสียงเบา คล้ายๆกับคำควบกล้ำในภาษาไทย บางเสียงต้องสะบัดนิ้วให้เร็ว ดังนี้เป็นต้น จึงทำให้ต้องเขียนวงกลมไว้เพื่อเป็นข้อสังเกต ฝู้ฝึกเป่าต้องสังเกตฟังเสียงให้ดี ลายสุดสะแนนทำนองนี้ผู้เขียนได้บันทึกโน้ต(แบบไม่เป็นทางการ) ตามทำนองที่ได้เรียนมาจาก ครูแคนที่ชื่อ ครูทองคำ ไทยกล้า เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ซึ่งหมอแคนแต่ละคนจะมีการแตกลายให้มีทำนองแตกต่างกันไปบ้างเพื่อความเป็นเอกลักษ์ของตนเอง ลายสุดสะแนน ที่นำมาเสนอครั้งนี้จึงเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น





(วีดิโอประกอบการฝึกเป่าลายสุดสะแนน ฝึกเป่าช้าๆ)










วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 2 การฝึกเป่าลายแคน


บทที่ 2


การฝึกเป่าลายแคน

         ลายแคน คำว่า  ลายแคน มีผู้รู้ได้กล่าวถึงความหมายของลายแคนไว้หลายอย่าง  ผู้เขียนขอสรุปความหมายของลายแคนไว้ดังนี้ คือ ลายแคน หมายถึงทำนองเฉพาะดั้งเดิมของแคนที่มีการบรรเลงเป็นภาษาเสียงหรือสำเนียงพื้นบ้านของคนอีสาน” แบ่งเป็น   2 กลุ่ม คือ

         1. ลายแคนทางสั้น  มีจังหวะการบรรเลงที่เร็ว กระชับ เป็นลายแคนที่เป่าเพื่อแสดงถึงอารมณ์สนุกสนานรื่นเริง ได้แก่ ลายสุดสะแนน  ลายโป้ซ้าย  และลายส้อย(สร้อย)

         2.  ลายแคนทางยาวเป็นลายแคนที่เป่าแสดงอารมณ์โศกเศร้า คร่ำครวญเสียใจ เหงา หรือเปล่าเปลี่ยว เป็นการเป่าบรรยายเนื้อหาที่ค่อนข้างยาว เป็นการเป่าทางยาวที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าเหมือนจะไม่จบง่าย หรือมีลักษณะเหมือนการไหลเอื่อยๆ ของน้ำในแม่น้ำ จึงมี ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง ลายล่อง”  ซึ่งประกอบด้วย ลายใหญ่ ลายน้อย และลายเซ ดังจะกล่าวในรายละเอียดในการฝึกลำดับต่อไป

        การฝึกเป่าลายแคนอีสาน ก่อนอื่นผู้ฝึกเป่าต้องมีทักษะพื้นฐาน การใช้ลมเป่าแบบต่างๆ ทั้งลมสั้นและลมยาว มีความมุ่งมั่น  มีความคิดสร้างสรรค์ ขยันและอดทน เป็นคนที่ช่างสังเกตและจดจำได้ดี ทั้งนี้เนื่องจากการฝึกเป่าลายแคนจะมีความแตกต่างและสลับซับช้อนกว่าการเป่าในระดับพื้นฐาน ที่เน้นการเป่าตามโน้ตและเป่าเป็นเพลงเป็นส่วนใหญ่  แต่สำหรับการเป่าลายแคนอีสานนี้จะเน้นการจำทำนองลายแคนดั้งเดิมที่บรมครูแคนทั้งหลายในอดีตจดจำสืบต่อกันมา ซึ่งเป็นลายแคนแบบดั้งเดิมที่สะท้อนให้เห็นสภาพสังคม ชีวิต ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมอันดีงามของคนอีสานเป็นอย่างดี ดังนั้น ผู้ที่จะเป่าลายแคนอีสานได้ดีจะต้องอาศัยไหวพริบปฏิภาณในการสังเกต และความสามารถในการจดจำลีลาทำนองลายแคนให้ได้ และจะต้องเป่าให้ได้เสียงแคนที่เป็นสำเนียงของคนอีสานจริงๆ จึง จะทำ ให้เสียงแคนหรือลายแคนนั้นๆ มีความไพเราะจับใจ  ฉะนั้น การฝึกเป่าลายแคนในลำดับต่อไปนี้จะไม่เน้นความสำคัญของตัวโน้ต  ตัวโน้ตเป็นเพียงแนวทางให้รู้จังหวะและทำนองของลายแคนเท่านั้น ความสำคัญของการเป่าลายแคนจึงอยู่ที่กลเม็ดเด็ดพรายและลีลาการเป่าที่จะทำให้เกิดอารมณ์ความซาบซึ้งในเสียงแคนที่เป็นสำเนียงของคนอีสานอย่างแท้จริง

         การเป่าลายแคนพื้นบ้านอีสาน
                 การฝึกเป่าลายแคน ในอดีตกาลที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีหมอแคนที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นบรมครูแห่งเสียงแคนที่มีความสามารถ ในการเป่าแคนได้อย่างไพเราะ ยังมีอยู่จำนวนมากกระจายอยู่ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย  รวมทั้งที่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวซึ่งบูรพาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นส่วนหนึ่งก็ได้กลับบ้านเก่ากันไปแล้ว คงทิ้งไว้แต่ลายแคนอันแสนไพเราะเพราะพริ้งไว้เป็นมรดกอันล้ำค่าแห่งวัฒนธรรมดนตรีของคนอีสาน เหลือไว้เพื่อให้บูรพาจารย์ผู้เป็นหมอแคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันได้จดจำและสืบทอดเป็นสำเนียงเสียงสวรรค์ที่ชื่อว่า ลายแคน  เพื่อให้ลูกหลานผู้มีใจรักในดนตรีแคนได้ฝึกฝนเรียนรู้สืบไป ผู้เขียนในฐานะที่เป็นคนอีสานจึงขอเชิดชูบูชาบูรพาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นด้วยความเคารพยิ่ง และขอนำเอามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่านี้มาเผยแพร่แก่เยาวชนและผู้สนใจได้ฝึกหัดเรียนรู้  ถึงแม้นผู้เขียนจะมีทักษะเพียงน้อยนิดเหมือนหิ่งห้อยบินตอมเสียงแคน แต่ก็มีความปรารถนาที่จะเผยแพร่สิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยและชาวโลกสืบไป
          การเริ่มต้นฝึกเป่าลายแคน การสาธิตและเผยแพร่ลายแคนครั้งนี้ผู้เขียนได้ใช้แนวทำนองลายแคนที่เรียนจากครูแคนชื่อดังของเมืองไทยท่านหนึ่ง ชื่อ ครูทองคำ  ไทยกล้า ซึ่งอดีตท่านเป็นครูภูมิปัญญาไทย และเป็นวิทยากรพิเศษอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ท่านเล่าให้ฟังว่าได้ฝึกเป่าแคนตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยไปฝึกกับครูแคนที่ประเทศลาว ประมาณปี พ.ศ. 2500 ด้วยการช่วยงานทำนาทำไร่เป็นค่าตอบแทน(ค่าเล่าเรียน)สำหรับครูแคน เมื่อเรียนจบแล้วก็ได้เที่ยวแสดงในงานต่างๆ เรื่อยมาจนกระทั่งประเทศลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้กลับมาเมืองไทย และสุดท้ายได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษของวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด  ผู้เขียนได้เรียนการเป่าแคนจาก ครูทองคำ  ไทยกล้าตั้งแต่อายุยังหนุ่ม ท่านได้สอนเป่าแคน ลายแคน และแนวทางในการถ่ายทอดความรู้ไว้อย่างหลากหลาย  ดังนั้นเพื่อเป็นการบูชาพระคุณของบูรพาจารย์ทั้งหลาย ผู้เขียนจึงขอนำเอาลายแคนที่ได้รับการฝึกฝนมาถ่ายทอดเป็นวิทยาทานแก่เยาวชนและผู้สนใจทั่วไปเรียนรู้ตามลำดับขั้น ดังการฝึกในบทที่ 3 ต่อไป